เดลต้าคาร์บอน Deltacarbon 10 แผง ยาแก้ท้องเสีย คาร์บอน แก้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องร่วง

เดลต้าคาร์บอน เมดิซินอล ชาร์โคล

เดลต้าคาร์บอน ใน 1 เม็ดจะประกอบด้วย เมดิซินอล 250 มิลลิกรัม ซึ่งเมดิซินอล ชาร์โคล มีผลในการดูดซับตัวยาและสารเคมีต่างๆ มีผลช่วยในการดูดซึมสารเหล่านั้นจากบริเวณของทางเดินอาหาร มีส่วนช่วยในการดูดซับก๊าซซึ่งช่วยในการลดอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ

ขนาดบรรจุ

เดลต้าคาร์บอน 1 กล่อง มีจำนวน 10 แผง (แผงละ 10 เม็ด)

ส่วนประกอบสำคัญ

เมดิซินอล ชาร์โคล 250 มก.

ผงถ่านคาร์บอน สรรพคุณ

สรรพคุณของผงถ่านคาร์บอน ช่วยดูดซับสารพิษหรือยาจากบริเวณทางดินอาหาร แล้วทำการขับออกผ่ายทางอุจจาระ และดูดซับก๊าซเพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นยาสามัญประจำบ้าน

ยา Deltacarbon แก้อะไร

เดลต้าคาร์บอน (Deltacarbon) ใช้รับประทานเพื่อแก้ หรือบรรเทาอาการดังนี้

• ช่วยบรรเทาอาการ ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องร่วงเฉียบพลัน
  

• รับประทานเพื่อป้องกันการดูดซึมสารพิษและเร่งกำจัดสารพิษที่เข้าไปหมุนเวียนภายในลำไส้และตับ เมื่อมีภาวะเป็นพิษเฉียบพลัน

เลขทะเบียนตำรับยา : 1A 449/49

Deltacarbon 250 mg กินยังไง

ควรกินยาทุกกี่ชั่วโมง

ควรกินยาเดลต้าคาร์บอน โดยเว้นระยะห่างกัน 4-6 ชั่วโมง หากต้องรับประทานยาอื่นด้วย ให้เว้นระยะเวลาการรับประทาน 2 ชั่วโมง

ยาเดลต้าคาร์บอนแก้ท้องเสีย กินกี่เม็ด

ควรรับประทานยาเดลต้าคาร์บอนตามอาการดังนี้

1. ท้องอืดท้องเฟ้อ รับประทานครั้งละ 4-15 เม็ด (ตามความรุนแรงของ
อาการ) วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร

2. ท้องร่วง

• ผู้ใหญ่ : รับประทาน 2-4 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง

• เด็ก : รับประทาน 1-2 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง

  สามารถรับประทานทั้งเม็ด หรืออาจบดกับน้ำก่อนรับประทาน

เดลต้าคาร์บอน เด็กกินยังไง

การรับกินยานี้ในเด็กต้องแบ่งตามอากาาร ดังนี้

• ท้องอืดท้องเฟ้อ รับประทาน 4-15 เม็ด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยทาน 3 ครั้ง หลังอาหาร
• ท้องร่วง รับประทาน 1-2 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง

ยาคาร์บอน กินท้องว่างได้ไหม

ยาคาร์บอนสามารถกินตอนท้องว่างได้ โดยควรกินก่อนอาหารประมาณ 1 ชัวโมง หรือกินหลังอาหาร 1 ชั่วโมง

ยาคาร์บอน กินท้องว่างได้ไหม

ยาคาร์บอนสามารถกินตอนท้องว่างได้ โดยควรกินก่อนอาหารประมาณ 1 ชัวโมง หรือกินหลังอาหาร 1 ชั่วโมง

เดลต้าคาร์บอน คนท้องกินได้ไหม

หากคนท้อง คนที่ต้องให้นมบุตรต้องการรับประทานยาตัวนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เพราะแม้ว่ายังไม่มีรายงานความผิดปกติแต่อาจรับประทานแล้วเกิดความเสี่ยงได้

อาการไม่พึงประสงค์

อาการที่พบได้บ่อย เช่น ท้องผูก ปวดท้อง หรือท้องบวม และอุจาระดำ หากรับประทานยาแล้วมีอาการที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษา

ข้อควรระวัง

• การใช้ยานี้อาจทำให้อุจจาระมีสีดำ
  

• หากรับประทานยาไป 2 วัน แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์
  

• ควรรับประทานห่างจากยาชนิดอื่น หรืออาหารเสริม 2 ชั่วโมง
  

• ผู้ป่วยควรรับประทานเกลือแร่ เพื่อลดการสูญเสียน้ำ กรณีที่ท้องร่วง
  

• ไม่มีผลในการรักษาพิษที่เกิดจากสารกัดกร่อน 
  

• ไม่ใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
  

• อ่านคำเตือนในฉลากก่อนใช้ยา

• การรับประทานยามากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ปวดท้อง หรือท้องบวมได้ หากมีอการดังนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาตามอาการ

• ไม่ควรใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่ลำไส้ไม่ทำงาน, ทางเดินอาหารทะลุ, ผู้ป่วยที่มีภาวะลำไส้อุดตัน, ผู้ป่วยที่เพิ่งผ่านการผ่าตัด, ผู้ที่มีความเสี่ยงเกิดเลือดออกที่บริเวณทางเดินอาหาร และผู้ที่แพ้ส่วนประกอบที่อยู่ในตัวยานี้

• ยาไม่มีผลต่อการรักษาสารพิษจาก ลิเธียม, แธลเลียม, ไซยาไนด์ ,สารประกอบธาตุเหล็ก, เมทานอล และเอทิลีนไกลคอล 

การเก็บรักษา

ควรเก็บรักษายาในอุณหภูมิไม่เกิน 30°